1 โครินธ์ 6 เราต้องตัดสินกันเอง

1 โครินธ์ 6:1-2 มีใครในพวกท่าน ที่มีเรื่องราวต่อกันกล้าไปฟ้องให้ดำเนินคดีจากคนอธรรม แทนที่จะฟ้องกันต่อหน้าคนของพระเจ้า? ท่านไม่รู้หรือว่า คนของพระเจ้าจะเป็นผู้พิพากษาโลกนี้ และถ้าท่านจะเป็นผู้พิพากษาโลก ท่านไม่สามารถจัดการกับเรื่องเล็กน้อยหรือ?

1 โครินธ์ 6:3-4 ท่านไม่รู้หรือว่า เราจะเป็นผู้พิพากษาตัดสินพวกทูตสวรรค์? ดังนั้น เราจะพิพากษาตัดสินเรื่องของชีวิตนี้ได้ดีกว่ามาก ดังนั้น หากท่านมีคดีต่อกันในเรื่องของชีวิต ท่านจะตั้งคนที่คริสตจักรไม่ได้ยอมรับมาเป็นผู้ตัดสินอย่างนั้นหรือ?

1 โครินธ์ 6:5-6 ข้ากล่าวอย่างนี้ เพื่อให้ได้รู้สึกละอายใจ
ในพวกท่านไม่มีสักคนที่จะมีปัญญาพอที่จะตัดสินเรื่องระหว่างพี่น้องอย่างนั้นหรือ? แล้วพี่น้องกลับต้องไปว่าความสู้กัน ต่อหน้าคนที่ไม่เชื่ออย่างนั้นหรือ?

1 โครินธ์ 6:7-8 ความจริง ท่านก็แพ้ตั้งแต่ต้น เมื่อมีปัญหากัน ทำไมท่านไม่ยอมเป็นฝ่ายผิด ทำไมท่านจึงไม่ยอมถูกเข้าโกง
แต่กลับทำร้ายกันและกันแล้วยังโกงพี่น้องของท่าน?

1 โครินธ์ 6:9-10 ท่านไม่รู้หรือว่า คนอธรรมจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า? อย่าคิดผิดไป คนที่ทำผิดทางเพศ ไหว้รูปเคารพ ผิดประเวณี โสเภณีชาย รักร่วมเพศขโมย คนโลภ ขี้เมา กล่าวร้าย คนโกงจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า

1 โครินธ์ 6:11 แต่ก่อนมีบางคนในหมู่พวกท่านเคยเป็นคนอย่างนี้ แต่ท่านได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว ได้รับการชำระให้สะอาดพ้นผิดแล้วโดยพระนามของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและโดยพระวิญญาณแห่งพระเจ้าของเรา

1 โครินธ์ 6:12“ข้าทำทุกสิ่งได้ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งนั้นเป็นประโยชน์ ข้าทำทุกสิ่งได้ แต่ข้าไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของสิ่งใดเลย

1 โครินธ์ 6:13 อาหารมีไว้สำหรับท้อง และท้องมีไว้สำหรับอาหาร แต่พระเจ้าจะทรงทำลายทั้งอาหารและท้อง ร่างกายไม่ได้มีไว้สำหรับการทำผิดทางเพศ แต่มีเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และองค์พระผู้เป็นเจ้ามีไว้เพื่อร่างกาย

1 โครินธ์ 6:14 พระเจ้าทรงทำให้องค์พระเยซูเจ้าคืนชีวิตขึ้นมา และพระองค์จะทรงทำให้เราเป็นขึ้นมาด้วยโดยฤทธิ์เดชของพระองค์

1 โครินธ์ 6:15 พวกท่านรู้อยู่ว่า ร่างกายของท่านเป็นอวัยวะของพระคริสต์ ดังนั้น สมควรแล้วหรือที่ข้าจะเอาอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของพระคริสต์ มาเกี่ยวข้องกับหญิงโสเภณี? อย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย

1 โครินธ์ 6:16-17 ท่านก็รู้นี่นาว่า คนที่ผูกพันกับหญิง
โสเภณีก็เป็นกายเดียวกับเธอ
เพราะมีคำเขียนไว้ว่า “เขาทั้งสองจะเป็นหนึ่งเดียวกัน”แต่คนที่ผูกพันกับองค์พระผู้เป็นเจ้า
ก็เป็นวิญญาณเดียวกันกับพระองค์

1 โครินธ์ 6:18-19 จงหนีให้พ้นจากการทำผิดทางเพศ! เพราะบาปอื่นที่มนุษย์ทำนั้น เป็นบาปนอกกายแต่คนที่ทำผิดทางเพศ เท่ากับทำบาปต่อกายของตนเอง ท่านไม่รู้หรือว่า ร่างกายของท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ประทับในท่าน พระองค์ผู้ซึ่งท่านรับจากพระเจ้า
และท่านไม่ใช่เจ้าของตัวเอง?

1 โครินธ์ 6:20 พระเจ้าทรงซื้อท่านไว้ด้วยราคาสูง
ดังนั้น จงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยร่างกายของท่านเถิด

คำอธิบายเพิ่มเติม

1 โครินธ์ 6:1-2
นอกจากที่พวกเขาไม่จัดการกับคนที่ทำผิดในคริสตจักรแล้ว(ดังที่ท่านกล่าวถึงในบทที่ 5) พี่น้องยังมีเรื่องราวต่อกันในคริสตจักร แล้วมีการ
ไปฟ้องร้องต่อศาล ต่อหน้าคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า ซึ่งจะสร้างปัญหาต่อไปอีกคือ จะมีพี่น้องในชุมชนผู้เชื่อเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก่อให้เกิดความแตกแยกขึ้น แถมยังสื่อให้เห็นว่า พวกเขาเห็นการตัดสินของคนภายนอกสำคัญกว่าการตัดสินภายในที่ใช้บทบัญญัติของพระเจ้าเป็นหลัก
1 โครินธ์ 6:3-4
ท่านเปาโลมองว่า การตัดสินโดยใช้หลักการของพระเจ้านั้นมีมาตรฐานสูงกว่า และทุกความขัดแย้งที่เกิดขึ้นย่อมมีผลมาจากเรื่องของชีวิตฝ่ายวิญญาณด้วย ดังนั้นคริสเตียนจึงควรที่จะตกลงกันเอง ยิ่งกว่านั้น ท่านยังบอกว่า คริสเตียนจะเป็นผู้ที่พิพากษาทูตสวรรค์ (นั่นคือทูตที่เป็นทูตที่ทำผิดต่อพระเจ้า) ดูวิวรณ์ 22:5 ผู้เชื่อจะได้ครอบครองกับพระเจ้าตลอดไป นั่นคือ พวกเขาจะมีส่วนในการเป็นผู้ตัดสินความต่าง ๆ กับพระองค์

1 โครินธ์ 6:5-6
ทำไมพวกเขาจึงให้คนนอกตัดสินความ ทั้งที่เขาควรจะทำการภายในคริสตจักร? ท่านเปาโลไม่เห็นด้วยกับการทำเช่นนั้น ทั้ง ๆ ที่ในหมู่พวก
เขาก็มีคนที่มีปัญญา มีกำลัง มีเกียรติ (4:4)คนพวกนี้ก็น่าจะใช้ปัญญาของตนช่วยพี่น้องที่กำลังมีปัญหา การออกไปให้คนอื่นตัดสินเป็นการทั้งดูหมิ่นพระวจนะของพระเจ้าที่พร้อมตัดสินเรื่องราวต่าง ๆ (สดุดี 119) และทำให้คนนอกดูหมิ่นผู้เชื่อที่ยังมีปัญหาเหล่านี้

1 โครินธ์ 6:7-8
ดูเหมือนว่าคดีขัดแย้งกันที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของเงินทอง ไม่ใช่อาชญากรรมทำร้ายร่างกาย เป็นเรื่องของการโกงเงิน ซึ่งถ้ามองผ่านพระคำ
ของพระเยซู การแก้ปัญหาจะเป็นอีกทางเป็นการยอมกันเพื่อให้ชีวิตฝ่ายวิญญาณไม่ล้มลงตรงนี้อาจเป็นที่ยอมรับไม่ได้ในสายตาของโลก
แต่พระเยซูทรงสอนอะไรที่ตรงกันข้าม ดูลูกา6:27-31

1 โครินธ์ 6:9-10
เหตุผลอีกอย่างที่ไม่ควรให้คนนอก เข้ามาตัดสินคนในก็คือ พวกเขาไม่ได้เป็นคนในแผ่นดินของพระเจ้า ยังไม่ได้กลับใจ ยังไม่เชื่อพระเยซูคริสต์แต่ยังคงมีชีวิตอยู่แบบที่เป็นอยู่ตามใจของตนเองไม่ได้เดินตามน้ำพระทัยของพระเจ้าที่ต้องการให้ผู้คนที่เชื่อได้มีชีวิตอันบริสุทธิ์ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ตั้งแต่ทรงสร้างพวกเขามาสมควรแล้วหรือที่จะให้พวกเขาเหล่านั้นมาตัดสินคนของพระเจ้า แม้ว่าจะทำผิดต่อกันก็เถอะ


1 โครินธ์ 6:11
ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงรับเราแม้ว่าชีวิตเคยผ่านสิ่งที่น่ารังเกียจสำหรับพระองค์ พี่น้องชาวโครินธ์ก็เคยผ่านชีวิตแบบนี้ แต่พวกเขา
ได้รับการชำระจากพระเจ้า และละทิ้งชีวิตเก่าอย่างสิ้นเชิง หลังจากที่พระเจ้าทรงชำระให้สะอาดพ้นผิดแล้ว ความบริสุทธิ์ของพระเจ้าได้เข้าไป
ในชีวิตของเขา พวกเขากำลังเริ่มมีพระลักษณะของพระองค์ในชีวิต

1 โครินธ์ 6:12
ท่านเปาโลบอกเราว่า เราได้เข้ามาหาพระเจ้าและพระเจ้าทรงชำระเราให้บริสุทธิ์แล้ว พระวิญญาณของพระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงชีวิต
ของทุกคนที่มาพบพระองค์แบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เราจึงไม่ต้องการที่จะกลับไปในชีวิตแบบเดิมอีกต่อไป แม้ว่าตอนนี้เรายังต่อสู้กับบาปตราบเท่าที่มีชีวิตอยู่ในโลก พระเจ้าก็ยังทรงช่วยให้เราเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ดีขึ้น ๆ และท่านเปาโลก็แนะชัดเจนว่า เราจะไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจชั่วใดๆ

1 โครินธ์ 6:13
เราต้องรู้ว่า ร่างกายเรามีเพื่ออะไร ความอยากความหิวที่เรามี แล้วเราต้องสนองตอบนั้นประมาณไหนจึงจะกำลังดี ไม่มาก ไม่น้อยไป
ไม่ผิดศีลธรรม ถูกต้องตามพระทัยพระเจ้า ผู้เชื่อชาวโครินธิ์บางคนเข้าใจว่า เขาจะต้องตอบสนองตัณหาของเขา ความอยากที่มีทุกอย่าง
โดยมีเหตุผลของตัวเองรองรับ การทำทุกสิ่งได้หรือการมีเสรีภาพของคริสเตียนไม่ได้หมายความว่า เขาจะปล่อยตัวให้เป็นทาสบาปได้!

1 โครินธ์ 6:15
จากที่ท่านเปาโลอธิบายมา พี่น้องชาวโครินธ์ต้องเห็นแล้วว่า ร่างกายของเขาไม่ใช่เป็นของตนเอง แต่เขาเป็นอวัยวะของพระคริสต์ที่ต้องรักษาให้บริสุทธิ์สะอาดต่อพระเจ้าและพี่น้องด้วยกัน พี่น้องในคริสตจักรโครินธ์มีปัญหาเรื่องนี้มาก เพราะพวกเขาก็มั่วสุมทางเพศมานาน

1 โครินธ์ 6:14
ในเมื่อร่างกายเรามีไว้เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเราจึงมีความหวังที่จะคืนชีวิตขึ้นมาในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า ชีวิตที่เต็มด้วยบาปคงไม่ได้มี
โอกาสที่จะคืนชีวิตและรับบำเหน็จจากพระเจ้าการที่พี่น้องผู้เชื่อคิดว่า ตนเองมีความอยากทางเพศแล้วก็ออกไปหาความสนุกสนานเพื่อตอบ
สนองสิ่งเหล่านั้นโดยไม่มีการควบคุมตนเองจึงเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับความบริสุทธิ์ของพระองค์อย่างสิ้นเชิง

1 โครินธ์ 6:16-17
อย่างที่ท่านเปาโลเคยบอกว่า ถ้าทำผิดทางเพศเท่ากับเอาร่างกายไปผูกพัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับผู้ที่ทำผิดร่วมกัน เขาไม่อาจจะมาเป็น
หนึ่งเดียวกับพระเจ้าได้ในเวลาเดียวกันพี่น้องชาวโครินธ์ที่ยังมีชีวิตมั่วสุมทางเพศเหล่านี้จะต้องเลิกทุกอย่างกลับใจจริง เพื่อพระเจ้าจะทรง
ชำระเขาให้สะอาด ท่านเปาโลยังคงมีความหวังกับพวกเขาว่า จะคิดได้ กลับใจ เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป

1 โครินธ์ 6:18-19
บางทีข้อความตอนนี้ กำลังบอกเราว่า การทำผิดบาปไม่ว่าจะเป็นการโกหก ขโมย ล่อลวง คดโกง สารพัดนั้น เป็นการทำผิดที่อยู่นอกร่างกายของมนุษย์ แต่การทำผิดทางเพศเป็นการล่วงล้ำเข้ามาในร่างกาย ย้ำ.. ในร่างกายของผู้กระทำผิด ล่วงล้ำเข้ามาในพระวิหารของพระเจ้าร่างกายของผู้เชื่อเป็นพระวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจึงไม่ใช่เจ้าของตัวเอง แต่พระเจ้าทรงเป็นเจ้าของร่างเรา

1 โครินธ์ 6:20
พระเยซูทรงซื้อเราด้วยชีวิตของพระองค์เองและบาปทั้งสิ้นที่เราทำก็ไปตกอยู่ที่พระองค์ อิสยาห์ บทที่ 53 เราจะตระหนักได้ว่า ราคานั้นสูงเพียงใด :4 ทรงรับความอ่อนแอ ความทุกข์ของเราไป ทรงถูกพระเจ้าเฆี่ยนตี และทรมาน :5 ทรงถูกแทง บอบช้ำเพราะการชั่วช้าของเรา :6 พระเจ้าทรงวางความชั่วของเราไว้บนพระองค์ ยังมีอีกมาก พระเจ้าทรงจ่ายขนาดไหนเพื่อให้เรากลับมาหาพระองค์!

1 * มัทธิว 18:15-17
2* ลูกา 22:30; มัทธิว 19:28
3* ยูดา 1:6; มัทธิว 25:41
4* 1 โครินธ์ 5:12
5* ยากอบ 1:5 ; 3:13-18
6* 1 ยอห์น 3:11-15
7* โรม 12:17-19; 1 เปโตร 3:9

8* 1 เธสะโลนิกา 4:6; ยากอบ5:4
9* 1 ทิโมธี 1:9-10; กาลาเทีย 5:19-21
10* 1 โครินธ์ 5:11; เอเฟซัส 4:28
11* 1 โครินธ์ 1:30; 1:2
12* 1 โครินธ์ 10:23-33; 9:27
13* โรม 6:12; 1 เธสะโลนิกา 4:3-7

14* โรม 8:11; 2 โครินธ์ 4:14
15* เอเฟซัส 5:30; โรม 12:5
16*ปฐมกาล 2:24; เอเฟซัส 5:31
17* ยอห์น 17:21-23; กาลาเทีย 2:20
18* 1 เปโตร 2:11; 1 เธสะโลนิกา 4:3
19* 1 โครินธ์ 3:16; 2 โครินธ์6:16
20* 1 โครินธ์ 7:23; 1 เปโตร 2:9


กิจการ 14 เจอหินเข้าแล้ว

ที่เมืองอิโคนิยูม

เมื่อประชาชนอยากกราบไหว้

ถูกหินขว้าง.. ไปต่อ

ให้กำลังใจพี่น้อง

กิจการ 14:1-3 ที่เมืองอิโคนิยูม
เมื่อถูกปฏิเสธจากเมืองอันทิโอก ทั้งสองก็ไม่ได้ท้อถอย อย่างน้อยมีคนเชื่อแล้ว และพวกเขาเหล่านั้นก็จะเป็นพลังคริสเตียนท้องถิ่นต่อไป เมื่อไปถึงเมืองอิโคนิยูม ก็เริ่มสอนในศาลาธรรมยิวก่อนเป็นอันดับแรก ดูเหมือนว่าเป็นสูตรที่ใช้ได้ทุก ๆ เมือง คำสอนเรื่องพระเยซูคริสต์ทำให้ทั้งยิวและกรีกหันมาเชื่อพระเจ้ามากมาย ทั้งสองเน้นคำแห่งพระคุณ นั่นคือ พระเยซูคริสต์ที่สิ้นพระชนม์และคืนพระชนม์คือ ทางแห่งความรอดไม่ใช่กฎบัญญัติ และนี่เองส่งผลให้ยิวที่ไม่เชื่อเริ่มไม่พอใจ
แต่ทั้งสองไม่ได้รีบหนีออกจากเมือง ยังคงสอนต่อและพระเจ้าทรงทำการอัศจรรย์ผ่านมือของเปาโล และบารนาบัส พระเจ้าทรงรับรองงานของเขา ผู้คนได้รับสิ่งดีจากพระเจ้า ก็ยิ่งมีคนมาเชื่อ
กิจการ 14:4-7
ยิวที่เคร่งกฎบัญญัติ ไม่พอใจที่พระกิตติคุณของพระเจ้าไม่ได้สอนให้คนที่เชื่อใหม่ต้องมาแบกภาระทำตามบัญญัติเพื่อให้รอด พวกเขาทั้งเสียหน้า และเสียผู้สนับสนุน จึงไม่มีทางที่จะประนีประนอมได้ แต่ทั้งเปาโลและบารนาบัสก็พยายามที่จะอยู่ในเมืองนี้ให้นานที่สุดเพื่อจะได้วางรากฐานแห่งความเชื่อให้แข็งแรก และต่อมายิวและกรีกที่ไม่พอใจก็พร้อมที่จะสังหารผู้รับใช้ของพระเจ้า
เมื่อถึงขั้นวิกฤติ ทั้งสองก็ต้องหนีอีกครั้ง ไปยังเมืองที่ไม่ห่างไปมากนัก จากคำบันทึกของท่านลูกา ดูเหมือนว่าท่านไปตามเมืองที่อยู่ใกล้เคียงกัน
กิจการ 14:8-10 เมื่อประชาชนอยากกราบไหว้
ขณะที่อยู่ในเมืองลิสตรา มีชายง่อยคนหนึ่งตั้งใจฟังพระคำของพระเจ้ามาก และด้วยของประทานในการสังเกตวิญญาณ เปาโลมองเห็นว่า เขามีความเชื่อที่จะหายได้ และเมื่อเขารับคำสั่งให้ยืน เขาก็ยืนและเดินได้ทันที ทั้งๆ ที่ไม่เคยยืนมาตั้งแต่เกิด แน่นอน ประชาชนตื่นเต้นมาก
กิจการ 14:11-13
พอเห็นว่ามีการอัศจรรย์อย่างนั้น ประชาชนก็สรุปเหมาเอาเองว่า ทั้งสองเป็นเทพมาหาพวกเขา เป็นเทพที่มาในร่างของมนุษย์ ซึ่งเคยมีเรื่องเล่าต่อ ๆ กันมาว่า มีเทพมาเยี่ยมประชาชนอยู่ในอดีต เขามองว่า เปาโลเป็นเทพเฮอร์เมส เพราะพูดเก่ง และเป็นเหมือนโฆษกส่วนตัวของซุส ส่วนบารนาบัสเป็นเทพซุส เพราะดูนิ่งแต่มีพลัง
เรื่องนี้ไปถึงหูพวกพระในวิหารนอกเมือง พวกเขาก็พากันมาพร้อมที่จะนมัสการทั้งสอง
กิจการ 14:14-15
แทนที่จะรับการนมัสการ ทั้งสองฉีกเสื้อผ้าให้เห็นทันที ในสมัยก่อน การฉีกเสื้อผ้าเช่นนี้ เป็นการแสดงออกถึงความไม่พอใจและความปวดร้าวใจอย่างมาก เห็นชัด เข้าใจง่าย นี่ถ้าเป็นพวกครูสอนผิด พวกเขาก็จะรับทันที ตั้งต้นเป็นพระเจ้าให้คนกราบนมัสการทันที แต่ไม่ใช่สำหรับเปาโลและบารนาบัส
แต่คนเมืองนี้ ไม่ชินกับคำสอนของโมเสส ไม่รู้จักพระคัมภีร์อย่างดีเหมือนกับคนในเยรูซาเล็ม มาดูกันว่าเปาโลบอกอะไรบ้าง .…​ทำไมมากราบเรา?….​เราเป็นคนเหมือนท่าน….พระเจ้าทรงพระชนม์.. พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างทุกสิ่ง
กิจการ 14:16-18
ยุคก่อน พระเจ้าทรงปล่อยให้คนเดินตามทางตนซึ่งมีความหมายว่า พระเจ้ากำลังสำแดงพระองค์ให้พวกชาวเมืองได้รู้จักพระองค์ และพระองค์ประทานฝน ให้ฤดู ให้อาหาร ให้ความสุข
แต่ถึงขนาดนั้น ก็ยังมีคนที่ไม่อยากฟัง แต่ดื้อรั้นอยากจะนมัสการทั้งสอง นี่ทำให้เราเห็นว่า ความเชื่อในเรื่องพระต่าง ๆ นี้ฝังแน่นอยู่ในใจชาวลิสตรา
กิจการ 14:19 ถูกหินขว้าง.. ไปต่อ
ในขณะที่ชาวเมืองอยากนมัสการทั้งสอง แต่ยิวที่มาจากอันทิโอก(เหนือ) และเมืองอิโคนิยูม (น่าจะตามมารังควาญการประกาศของทั้งสอง) กลับชักชวน ปลุกปั่นให้ผู้คนเอาหินขว้าง และท่านก็คงเจ็บปวดมากถึงกับแน่นิ่งไป คนยิวที่ไม่พอใจ จะไม่ปล่อยให้เปาโลทำงานสะดวก แถมมีจิตใจที่เคียดแค้นมาก ซึ่งเราไม่ได้เห็นแค่ในอดีตเท่านั้น แม้ทุกวันนี้ ในอิสราเอล คนที่เชื่อในศาสนายิวเคร่งครัดก็จะพยายามขัดขวางความเชื่อในพระเยซูคริสต์ และพวกเขาก็ทำงานเกิดผลมาก เพราะมีคนยิวจำนวนมากที่ไม่ได้รู้จักชื่อพระเยซูเสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ พระเจ้ากำลังทำงานผ่านผู้คนมากมายทำให้คนยิวสมัยใหม่ได้มารู้จักพระองค์มากขึ้นทุกวัน
คนที่เอาหินขว้างก็ลากเปาโลออกไปเพราะคิดว่าตายแล้ว สมใจพวกเขา พวกเขาไม่ได้คิดจะขว้างแค่เพื่อสั่งสอน แต่ต้องการให้ตายไปเลย
กิจการ 14:20
เหล่าศิษย์ที่ตามไปนั้น ไม่ได้ถูกหินขว้างด้วย พวกเขาเข้ามาล้อมตัวเปาโลไว้ ถึงแม้ว่าจะเข้าเมืองไปอีกครั้ง ล้างตัว พักผ่อน รุ่งเช้าท่านออกออกเดินทางต่อไปยังเมืองเดอร์บีกับบารนาบัส พระเจ้าทรงดีต่อเปาโลเพราะ
ยังสามารถเดินทาง ทั้ง ๆ ที่ช้ำชอกขนาดนั้น เปาโลไม่ได้ออกจากเมืองนี้โดยการสลัดฝุ่นจากเท้า เชื่อว่าคงอธิษฐานให้คนทั้งหลายได้พบพระเจ้าโดยฝากเมืองนี้ไว้กับพระองค์
นี่เป็นคำของท่านในเวลาต่อมา กาลาเทีย 6:17 “ข้ามีเครื่องหมายของพระคริสต์บนกายแล้ว” ไม่แน่.. เปาโลอาจคิดถึงวันที่เห็นสเทเฟนโดนเอาหินขว้าง ตอนนี้ตัวเองก็เจอเหมือนกัน ไม่มีอะไรต้องบ่นเลย..สมควรแล้วที่จะเจอแบบสเทเฟน
กิจการ 14:21-22 ให้กำลังใจพี่น้อง
เมื่อเข้าไปในเมืองเดอร์บี ปรากฏว่า ผู้คนตอบรับเรื่องราวของการสิ้นพระชนม์ การคืนพระชนม์ของพระเยซูเป็นอย่างมาก พระเจ้าทรงอนุญาตให้เกิดความทุกข์ยาก แต่พระองค์ก็ทรงทำให้พวกเขาได้รับความชื่นชมยินดีเช่นกัน จากนั้น ทั้งสองเดินทางกลับไปเยี่ยมพี่น้องในลิสตราที่ต้องระเห็จออกมา เมืองอิโคนิยูมที่มีคนเกลียดชัง แล้วต่อไปยังอันทิโอกด้วย
จะเห็นว่าการเข้าไปในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่พี่น้องก็ต้องยอมรับว่า จะเกิดการข่มเหงในชีวิตแน่นอน
กิจการ 14:23-25
ในทุกคริสตจักรหรือชุมชนที่ทั้งเปาโลและบารนาบัสไปเยี่ยมนั้น ได้มีการค้นหา และตั้งคนที่ไว้ใจได้ มีความรู้พอสมควรที่จะคอยดูแลฝ่ายจิตวิญญาณ ลูกา ผู้เขียนได้บันทึกชัดเจนว่า ทั้งสองเดินทางไปไหนมาไหนบ้าง เรียกได้ว่า ได้มีการประกาศพระนามพระเยซูในแถบตุรกีตะวันออกอย่างทั่วถึง และมีคริสตจักรเกิดขึ้นหลายแห่งในพื้นที่แถบนั้นด้วย
อัททาลิยาเป็นเมืองท่าอยู่ริมฝั่งทะเล
กิจการ 14:26-28
จากอัททาลิยา ทั้งสองเดินทางลงไปยังเมืองอันทิโอกซึ่งอยู่ในเขตซีเรีย และก็ได้อยู่ในเมืองนั้น ประกาศและสร้างเสริมคริสตจักรอีกนานพอสมควร เพราะที่เมืองนั้น มีคนต่างชาติอาศัยอยู่มากมาย และพระเจ้าก็ทรงนำให้คนเหล่านั้นได้มาพบพระองค์ด้วย ไม่เฉพาะคนยิวเท่านั้น ทั้งเปาโลและบารนาบัสได้พักใจในเมืองนี้ด้วย

พระคำเชื่อมโยง

1* กิจการ 8:4, 13:51,13:46, 19:8
2* กิจการ 13:50, 21:27-30, 17:5
3* ฮีบรู 2:4; เอเฟซัส 6:18-20; กิจการ 4:29-30
4* กิจการ 28:24, ลูกา 11:21-23
5* 2 ทิโมธี 3:11; กิจการ 4:25-29
6* 2 ทิโมธี 3:11; มัทธิว 10:23
7* 2 ทิโมธี 4:2, 1 เธสะโลนิกา 2:2
8* กิจการ 3:2,4:9; ยอห์น 9:1-2
9*กิจการ 3:4; มัทธิว 15:28

10* อิสยาห์ 35:6; ยอห์น 14:12; 5:8-9; กิจการ 9:33-34
11* กิจการ 28:6; 8:10
12* กิจการ 19:35
15* 1 โครินธ์ 8:4; กิจการ 10:26; เยเรมี11ย์ 14:22
16* กิจการ 17:30; สดุดี81:22
17*โรม 1:19-20; โยบ 5:10;
เฉลยธรรมบัญญัติ 11:14
18* อพยพ 32:21-23

19* 2 ทิโมธี 3:11; 2 โครินธ์ 11:25; กิจการ 13:50-51
20* 2 โครินธ์ 6:9; 1:9-10
21* 2 ทิโมธี 3:11
22* 1 เปโตร 5:10; 2 ทิโมธี 3:12; ยอห์น 16:33
23* ทิตัส 1:5; 2 ทิโมธี 2:2
24* กิจการ 13:13-14
26* กิจการ 15:40; 11:19
27* 1 โครินธ์ 16:9; กิจการ 15:12; โคโลสี 4:3
28* กิจการ 11:26; 15:35