สดุดี 41 ชัยชนะแม้ถูกทรยศ

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด
รางวัลของดาวิด
1 ความสุขมีแก่คนที่เอาใจใส่คนยากจน
พระยาห์เวห์จะทรงช่วยเขาให้รอดในเวลาลำบาก
2 ขอพระเจ้าทรงปกป้องรักษาเขา และช่วยเขาให้มีชีวิตรอด
และเขาจะได้รับพระพรในแผ่นดิน
พระองค์จะไม่ทรงยื่นเขาให้อยู่ในมือของศัตรู
3 พระเจ้าจะทรงรักษาเขา แม้ป่วยอยู่บนเตียง
พระองค์จะทรงรักษาเขาบนเตียงที่เขานอนอยู่

คำร้องทูลต่อพระเจ้า คำร้ายจากศัตรู
4 ข้ากล่าวว่า “ โอพระยาห์เวห์ ขอทรงเมตตาแก่ข้า
ขอทรงรักษาข้า เพราะข้าได้ทำบาปต่อพระองค์”
5 ศัตรูทั้งหลายได้กล่าวถึงข้าอย่างเสีย ๆ หาย ๆ
“เมื่อไรเขาจะตาย และสิ้นชื่อไปเสีย?”
6 เมื่อใครสักคนในพวกเขามาเยี่ยม
เขาจะกล่าวคำชั่วร้าย เขาเก็บความคิดชั่วไว้ในใจ
เมื่อออกไปก็พูดออกมา
7 คนที่เกลียดชังข้าต่างซุบซิบนินทาเรื่องร้าย ๆ
พวกเขาหาทางที่จะทำร้ายข้า
8 “เขาเป็นโรคร้าย และตอนนี้ก็นอนป่วยอยู่
ไม่มีทางได้ลุกจากเตียงนั่นได้หรอก”
9 แม้กระทั่งเพื่อนของข้า คนที่ข้าไว้ใจ
คนที่กินอาหารกับข้า ก็ยังหันหลังให้

การรื้อฟื้นของดาวิด
10 แต่พระองค์ พระยาห์เวห์ ขอทรงเมตตาต่อข้า
ขอทรงยกข้าขึ้น เพื่อว่าข้าจะได้ตอบแทนพวกเขา
11 เพราะอย่างนี้ ข้าจึงรู้ว่าพระองค์ทรงยินดีในข้า
นั่นคือ ศัตรูไม่อาจร้องโห่ชัยชนะเหนือข้าได้
12 พระองค์ทรงอุ้มชูข้าเพราะความซื่อตรงของข้า
และพระองค์ทรงวางข้าไว้ต่อพระพักตร์ตลอดไป

ถวายพระพรด้วยความยินดี
13 ขอให้พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล
ทรงได้รับคำถวายพระพรตลอดไปเป็นนิตย์
อาเมน และอาเมน

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 1:1, 2:12; มัทธิว 5:1-11

2*สุภาษิต 3:18, 21:28; สดุดี 27:12

3* 2 พงศ์กษัตริย์ 4

4*สดุดี 6:2, 103:3, 147:3

5* สุภาษิต 41:5; สดุดี 102:8

6* สดุดี 12:2; สุภาษิต 26:24-26

7*2 โครินธ์ 12:20; โรม 1:29

8* สดุดี 71:11

9*2 ซามูเอล 15:12; ยอห์น 13:18, 21-30; สดุดี 55:12-14

10* ลูกา 19:27; สดุดี 109:6-21

11* สดุดี 124:6; สดุดี 31:8

12* โยบ 36:7

13* สดุดี 72:18-19, 89:52; 106:48; 150:6

สดุดี 41:1-3
รางวัลของดาวิด
สดุดีบทนี้เป็นสดุดีเริ่มและจบด้วยการสรรเสริญพระเจ้า. กษัตริย์ดาวิดมีความมั่นใจในการช่วยเหลือ การปกป้องของพระเจ้า

ความสุขมีแก่… หรือพระพรมีแก่… คนที่มีความสัมพันธ์กับพระเจ้าเป็นพิเศษในแบบต่าง ๆ ให้เปิดดูพระคำเชื่อมโยงแล้วจะเห็นว่าความสุขมีแก่ใครบ้าง ในข้อสามบอกชัดเจนว่า พระเจ้าทรงเป็นแพทย์ผู้รักษาอย่างเอาใจใส่ ให้เราเชื่อในการรักษาของพระเจ้า อย่าสงสัยไป

สดุดี 41:4-9
คำร้องทูลต่อพระเจ้า คำร้ายจากศัตรู
ดาวิดคิดเสมอว่า ความบาปของท่านกับความเจ็บป่วยเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน นั่นเป็นความตระหนักในใจของท่าน ทุกคนเองก็ย่อมมีความตระหนักที่แตกต่างกันไปตามแต่ที่พระเจ้าประทานความเข้าใจให้
แต่ในขณะเดียวกันข้อ 12 ท่านก็มีความซื่อตรงต่อพระเจ้าด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องซับซ้อน แต่ละกรณีก็มีสาเหตุของมันเอง
ท่านเล่าว่าเมื่อมีคนมาเยี่ยม ก็มาเพื่อรวมรวมข้อมูล เอาท่านไปพูดเสียหาย เพื่อใส่ร้าย เพื่อทำร้าย เพื่อของท่านนั้น เป็นประเภทล้มแล้วเหยียบซ้ำ .. ในข้อ 9 เป็นเรื่องเดียวกันกับที่เกิดกับพระเยซูกับยูดาส ในยอห์น 13:8 และมัทธิว 26:21

สดุดี 41:10-12
การรื้อฟื้นของดาวิด
กษัตริย์ดาวิดสรุปโดย ทูลขอพระเมตตาให้พระองค์ทรงรักษาให้หายป่วยเพื่อว่าจะตอบสนองคนชั่ว ท่านเป็นกษัตริย์และจะต้องจัดการเพื่อความยุติธรรมและความมั่นคงของประเทศที่ปกครองอยู่
การที่ท่านกล้ากล่าวว่าพระเจ้าทรงยินดีในท่าน เพราะท่านได้เมตตาต่อคนที่อ่อนแอ (ข้อ 1) ท่านได้สารภาพบาป ( ข้อ 4) และท่านมั่นใจว่า ความซื่อตรงของท่านยังมีอยู่ต่อพระเจ้า ท่านจึงมีความมั่นคงในพระเจ้าตลอดไปเพราะท่านอยู่ต่อพระพักตร์ของพระเจ้าเสมอ

สดุดี 13
ถวายพระพรด้วยความยินดี
คำว่า อาเมนคือ สิ่งนั้นเป็นจริง วางใจได้ ยืนยันแล้ว ให้สังเกตว่า สดุดี 1-41 นั้นจะลงท้ายด้วยการสรรเสริญพระเจ้า รวมถึงบทที่ 72, 89, 106, 150 พระพรที่พระเจ้าประทานให้แก่มนุษย์ในบทที่ 1:1
จบสดุดีของดาวิด ใน 41:13 ด้วยการทูลถวายพระพรกลับไปที่พระเจ้า

3 ยอห์น 1 ตัวอย่างคนสองแบบ

คำทักทาย

จากผู้ปกครองถึงกายอัสที่รัก ผู้ที่ข้ารักในความจริง เพื่อนที่รัก ข้าอธิษฐานขอให้ชีวิตของท่านราบรื่น และให้มีสุขภาพที่ดีเหมือนอย่างมีสุขภาพดีฝ่ายวิญญาณ
3 ยอห์น 1:1-2

1 ยอห์น 3:18; 1 โครินธ์ 1:14; โรม 16:23;
2 เปโตร 1:3-9; 3:18; โคโลสี 1:4-6

ชื่อกายอัส อาจเป็นคนเดียวกับที่ท่านเปาโล พูดถึงใน 1 โครินธ์ 1:14 การอธิษฐานของท่านยอห์นนี้ เป็นตัวอย่างของการอธิษฐานเผื่อพี่น้องที่เรารัก ไม่เฉพาะฝ่ายวิญญาณเท่านั้น แต่ในเรื่องอื่น ๆ ของชีวิต พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่และทรงพระคุณ ที่จะตอบคำอธิษฐานของคนที่รักพระองค์

เพราะข้ายินดีมากเมื่อพี่น้องมาเป็นพยานถึงความจริงของท่าน ว่าท่านเองได้เดินในความจริง ไม่มีอะไรทำให้ข้ายินดีมากไปกว่า ได้ยินว่า ลูก ๆ ของข้าเดินในความจริง
3 ยอห์น 1:3-4

2 ยอห์น 1:4; สดุดี 119:11; 1 เธสะโลนิกา 3:6-9;
กาลาเทีย 4:19; 2 พงศ์กษัตริย์​ 20:3

ท่านยอห์นเองได้ข่าวมาว่า กายอัสติดตามพระเจ้าใช้ชีวิตในความจริง ทำให้ท่านเป็นสุขใจมากการเดินในความจริงนั้นคือ ใช้ชีวิตตามความจริง ที่ได้รู้มาจากพระคำของพระเจ้า เป็นชีวิตที่โปร่งใส ไม่ใช่หน้าไหว้หลังหลอก เป็นชีวิตที่ได้รับการอภัยบาปจากพระเจ้าแล้วและจะไม่ใช้ชีวิตในความบาปอีกต่อไป ไม่ว่าจะกายอัสหรือเราก็เหมือนกัน

เรียนรู้จากตัวอย่างที่ดีและเลว

ท่านที่รัก ท่านพยายามสุดกำลังเพื่อพี่น้องอย่างซื่อสัตย์ แม้ว่าพวกเขาเป็นคนแปลกหน้า พวกเขาได้เป็นพยานถึงความรักของท่านให้คริสตจักรได้รับทราบ เป็นการดีที่ท่านจะส่งเขาเดินทางออกไปตามที่พระเจ้าทรงพอพระทัย
3 ยอห์น 1:5-6

กาลาเทีย 6:10; โคโลสี 3:17; 2 โครินธ์ 4:1-3;
1 เธสะโลนิกา 2:12; ทิตัส 3:13;

กายอัสเป็นคนติดตามพระเจ้าที่ทำตามสิ่งที่เขาเชื่อ เขาได้ต้อนรับผู้เชื่อที่เดินทางไปประกาศตามที่ต่าง ๆ อย่างเต็มใจ คำว่าซื่อสัตย์ตรงนี้ เป็นตัวอย่างสำหรับเราเองสมัยก่อนนั้น ผู้ประกาศที่ออกเดินทางไปต้องพึ่งพ การสนับสนุนจากคริสเตียนในท้องถิ่น เพราะพวกเขามักไม่ได้รับค่าจ้างจากใครเลย กายอัสส่งพวกเขาไปต่อจากทรัพย์สินของเขาเอง

เพราะพวกเขาได้ออกไปเพื่อเห็นแก่พระนาม ไม่รับสิ่งใดจากคนต่างชาติ
ดังนั้นเราควรสนับสนุนคนเช่นนี้ เพื่อว่าเราจะได้เป็นผู้ร่วมงานเพื่อความจริง
3 ยอห์น 1:7-8

วิวรณ์ 2:3; โคโลสี 1:24; 2 โครินธ์ 12:13
2 โครินธ์ 7:2-3; 1 โครินธ์ 3:5-9

การออกไปประกาศตามที่ต่าง ๆ เช่นนี้ ท่านยอห์นมีความเห็นว่าพวกเขาต้องไม่รับสิ่งใดจากคนต่างชาติ หรือคนที่ไม่เชื่อ คริสเตียนเองจะต้องเป็นผู้สนับสนุนคนของพระเจ้าด้วยกัน คนที่ออกไปควรที่จะได้รับการดูแลจากคนที่อยู่ข้างหลังอย่างเต็มใจ ทำอย่างดีที่สุด

ข้าได้เขียนบางอย่างไปยัง
คริสตจักร แต่ดิโอเตรเฟส ชอบเอาตัวเองมาเป็นที่หนึ่ง ไม่ยอมรับเรา
ดังนั้น หากข้ามา ข้าจะเตือนเรื่องที่เขาทำ คือการพูดใส่ร้ายพวกเรา นอกจากนั้นเขายังปฏิเสธไม่ยอมต้อนรับพี่น้อง และยังไปห้ามคนที่จะต้อนรับพวกเขา แล้วก็ไล่พวกเขาออกจากคริสตจักรด้วย
3 ยอห์น 1:9-10

ทิตัส 1:7-16; ลูกา 22:24-27;
อิสยาห์ 66:5; สุภาษิต 10:10

การที่กายอัสต้อนรับ สนับสนุนพี่น้องจนได้รับคำชมก็ยังมีคนที่ไม่ต้องการทำเช่นนั้น แถมยังห้ามคนอื่นทำด้วย นั่นคือ ดิโอเตรเฟส เป็นคนเหมือนคนยุคใหม่นี้ เขาใช้วิธีการคือให้ร้ายคนอื่น และยังทำตัวเหมือนมีสิทธิที่จะไล่คนอื่นออกไปจากชุมชนนั้น ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้ทำดีอะไรให้สังคม เป็นคนแบบมีแค่สิทธ์ แต่ไม่รับผิดชอบ

พี่น้องที่รัก อย่าเลียนแบบสิ่งที่ชั่วแต่ให้ทำตามสิ่งที่ดี คนที่ทำสิ่งดีนั้นมาจากพระเจ้า คนที่ทำชั่วก็ไม่มีพระองค์ในสายตา
3 ยอห์น 1:11

อิสยาห์ 1:16-17; สดุดี 37:27

ที่ท่านยอห์นสอน ท่านก็ได้เขียนตัวอย่างให้เห็น คือ กายอัส และดิโอเตรเฟส ทั้งสองมีความแตกต่างกันอย่างฟ้ากับเหว คนหนึ่งใส่ใจคนอื่น เอาสิ่งที่ตนมีสนับสนุนงานรับใช้ ช่วยแม้คนที่ ตนเองไม่รู้จัก ส่วนอีกคน เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง และทำลายคนอื่นได้อย่างเลือดเย็น โดยไม่คำนึงว่าตนเองทำประโยชน์ให้ใครหรือไม่

ทุกคนพูดแต่เรื่องดี ๆ ของเดเมตริอัส ซึ่งความจริงก็พิสูจน์แล้วว่า เป็นความจริง เราเองก็เป็นพยานถึงความดีของเขาเพิ่มเติมและท่านก็รู้ว่า คำพูดของเราเป็นความจริง
3 ยอห์น 1:12

1 ทิโมธี 3:7; ยอห์น 21:24; กิจการ 12:22

แล้วท่านยอห์นก็กล่าวถึงอีกคนที่เป็นตัวอย่างที่ดี คือเดเมตรีอัส คนที่จะดีจริงหรือเลวจริง เราจะมั่นใจไม่ได้จนกว่ามีพยานว่าคน ๆ นั้นเป็นอย่างไร น่าสนใจที่ท่านยอห์นกล่าวว่า
ความจริงก็พิสูจน์ตัวตนของเดเมตริอัส เราไม่ทราบเรื่องราวของเขาเลย แต่สิ่งที่สอนเราจากเรื่องนี้ก็คือ พระเจ้าผู้ทรงเป็นความจริง จะทรงเป็นพยานชีวิตเราอย่างไร?

อวยพรตอนสุดท้าย

ยังมีอีกหลายสิ่งที่จะพูดกับท่าน แต่ข้าไม่ต้องการเขียนด้วยปากกาและหมึกเพราะ ข้าหวังว่าจะได้พบท่าน ในไม่ช้า เราก็จะได้คุยกันต่อหน้าจริง ๆ
ขอให้สันติสุขจงมีแก่ท่าน
เพื่อน ๆ ที่นี่ฝากความคิดถึงมาด้วย ขอโปรดส่งความคิดถึงจากข้า
มายังพี่น้องแต่ละคนที่นั่นด้วย
3 ยอห์น 1:13-14

2 ยอห์น 1:12; 1 เปโตร 5:14; เอเฟซัส 6:23; กาลาเทีย 5:16

ท่านยอห์นมีความรู้สึกว่า อยากพบหน้าพี่น้องมากกว่าที่จะแค่เขียนจดหมายถึง ในข้อ 14 ตอนท้ายนั้นมีความหมายว่า ให้บอกทุกคนเป็นรายตัวไปเลยว่า ท่านยอห์นคิดถึงจริง ๆ หัวใจของท่านอยู่กับ พี่น้องคริสเตียน และเชื่อว่าท่านอธิษฐาน เผื่อพวกเขาทุกวัน

สดุดี 40 คำขอบพระคุณ และคำร้องทูลขอความช่วยเหลือ

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด
ผลดีของการรอคอยพระเจ้า
1 ข้าวางใจในพระยาห์เวห์อย่างสุดใจ
แล้วพระองค์ทรงหันมาหาข้า
ทรงฟังเสียงข้าร้องทูลขอความช่วยเหลือ
2 พระองค์ทรงฉุดข้าขึ้นมาจากหลุมร้าง จากโคลนตม
และทรงวางเท้าข้าไว้บนศิลา ทำให้ย่างก้าวของข้ามั่นคง
3 พระองค์ประทานบทเพลงใหม่ให้แก่ข้า
เป็นเพลงสรรเสริญพระเจ้าของเรา
หลายคนจะเห็นสิ่งที่พระเจ้าทรงทำ
เพื่อพวกเขาจะเกรงกลัว และวางใจในพระยาห์เวห์

ไม่มีใครเทียบพระองค์ได้
4 ผู้ที่วางใจในพระยาห์เวห์นั้นมีความสุขมากเท่าใด
และเขาไม่ขอความช่วยเหลือจากคนยะโสหรือคนมุสา
5 โอพระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้า
พระองค์ทรงทำสิ่งมหัศจรรย์มากมาย
ทรงมีแผนการเพื่อชีวิตของเรา
ไม่มีใครเทียบกับพระองค์ได้เลย
ข้าต้องการประกาศ และกล่าวถึงพระราชกิจนั้น
ซึ่งมีมากมายเกินกว่าที่ข้าจะเล่าได้

คำสัญญาจะทำตามน้ำพระทัย
6 สำหรับพระองค์ เครื่องบูชา หรือของถวาย
ไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก
พระองค์ทรงทำให้ข้าเข้าใจชัดเจนว่า
พระองค์ไม่ได้ทรงเรียกร้องเครื่องเผาบูชา
หรือเครื่องบูชาไถ่บาป
7 แล้วข้ากล่าวว่า “ดูสิ ข้ามาแล้ว
ในหนังสือม้วนนั้น มีบันทึกเรื่องราวเกี่ยวข้องกับข้า”
8 ข้าปรารถนาทำตามน้ำพระทัย พระเจ้าของข้า
พระบัญญัติของพระองค์ก็ประทับอยู่ในใจของข้า

สิ่งที่กษัตริย์ดาวิดจะประกาศออกไป
9 ข้าประกาศเรื่องความเที่ยงธรรมของพระองค์ในที่ประชุมใหญ่
ดูเถิด ข้าจะไม่รั้งริมฝีปากของข้าเลย
โอพระยาห์เวห์ พระองค์ทรงทราบว่าเป็นจริง
10 ข้ามิได้ซ่อนความเที่ยงธรรมของพระองค์ไว้ในใจของข้า
ข้าได้ประกาศความซื่อตรงและการช่วยกู้จากพระองค์ออกไป
ข้ามิได้ปกปิดความรักมั่นคงและความจริงจากที่ชุมนุมใหญ่

คำร้องทูล
11 โอ พระยาห์เวห์
ขออย่าทรงรั้งความสงสารของพระองค์ไปจากข้า
ความรักมั่นคงและความจริงของพระองค์
จะปกป้องรักษาข้าไว้เสมอ
12 มีความยากลำบากนับไม่ถ้วนล้อมรอบข้าอยู่
บาปของข้าก็ไล่ทัน ข้าจึงมองไม่เห็น
บาปนั้น มีมากกว่าเส้นผมบนศีรษะ
ทั้งกำลังความกล้าหาญก็หนีข้าไป
13 โอ พระยาห์เวห์ ขอทรงโปรดยินดีที่จะช่วยกู้ข้า
โอ พระยาห์เวห์ ขอทรงรีบมาช่วยข้าด้วย
14 ขอให้คนที่พยายามเอาชีวิตของข้านั้น
ต้องเจอกับความสับสนและความอับอาย
ขอให้คนที่ต้องการทำร้ายข้าต้องล่าถอยและพบความอดสู
15 ให้คนที่กล่าวกับข้าว่า สมน้ำหน้า สมน้ำหน้า
ต้องตกใจกลัวพร้อมกับอับอายอย่างยิ่ง
16 ให้ทุกคนที่แสวงหาพระองค์ได้ยินดีและเปรมปรีดิ์ในพระองค์
ให้ทุกคนที่รักความรอดของพระองค์กล่าวเสมอว่า
“พระยาห์เวห์ทรงยิ่งใหญ่นัก”

ขอพระเจ้าทรงคิดถึงข้า
17 ข้านั้นทั้งถูกข่มเหงและขัดสน
พระยาห์เวห์ทรงคิดถึงข้า
พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วย และผู้ช่วยกู้ของข้า
โอ พระเจ้าของข้า ขออย่าทรงเนิ่นช้าเลย

พระคำเชื่อมโยง

1* สดุดี 25:5; 27:14; 37:7

2* สดุดี 37:23; 27:5; 71:20

3* สดุดี 103:1-5; 33:3; 52:6

4* เยเรมีย์ 17:7-8; สดุดี 125:5; 118:8-9

5* เยเรมีย์ 29:11; สดุดี 139:17-18

6* อิสยาห์ 1:11; ฮีบรู 10:5-12; 1 ซามูเอล 15:22

7* ฮีบรู 10:7-9; ลูกา 24:44; ยอห์น 5:39

8* โรม 7:22; ยอห์น 4:34; สดุดี 119:47

9* สดุดี 119:3; 22:25; ฮีบรู 2:12

10* โรม 1:16-17; กิจการ 20:26-27; 20:20-21; วิวรณ์ 22:17

11*สดุดี 57:3; 43:3; 61:7 สุภาษิต 20:28;

12* สดุดี 38:4; 73:26; 69:4

13* สดุดี 70:1-5; 38:22

14* สดุดี 35:4; 71:13; 35:26

15* สดุดี 35:21,25

16* สดุดี 35:27; 68:3; กิจการ 19:17

17* สดุดี 70:5; อิสยาห์ 41:17; 1 เปโตร 5:7

สดุดี 40:1-3 ผลดีของการรอคอยพระเจ้า
เฝ้ารอพระเจ้า ร้องขอความช่วยเหลือ …. ทำแบบนี้ อาจรอนานหลายวัน หลายเดือน หรือรอสั้น ๆ แล้วแต่สถานการณ์ แต่ผลก็คือ พระเจ้าทรงยิน ทรงฟังคำร้องทูล และฉุดเราขึ้นมาจากปัญหาที่พัวพัน ความทุกข์ยาก และตั้งเราให้มั่นคง
จากนั้น พระเจ้าก็ประทานเพลงใหม่ให้ อาจเป็นเพลงเดิมที่เคยร้อง แต่ประสบการณ์ทำให้เราซาบซึ้งในพระองค์มาก จนมันกลายเป็นเพลงใหม่สำหรับพระเจ้า และไม่ร้องคนเดียวแต่ ร้องให้คนอื่นได้รับรู้ถึงการช่วยเหลือของพระเจ้า …​นี่เป็นเหมือนสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อเราหันมาหาพระเจ้าในยามจนตรอก

สดุดี 40:4-5 ไม่มีใครเทียบพระองค์ได้
เมื่อเราวางใจพระเจ้า เราก็ไม่ต้องไปง้อคนที่เย่อหยิ่ง อวดตัว คนรวย คนเหล่านั้น เราไม่ต้องไปสยบให้ เมื่อเราทบทวนสิ่งที่พระเจ้าทรงทำอย่างอัศจรรย์ ตั้งแต่การทรงสร้างสารพัดสิ่งในจักรวาล และการอัศจรรย์ทั้งสิ้นที่ทรงทำให้ผู้คนในพระคัมภีร์ และในโลกปัจจุบัน ใช่แล้ว มีมากมาย เล่าไม่หมดแน่นอน ต้องใช้เวลาถึงนิรันดร์ทีเดียว เมื่อเราคิดถึงสิ่งอัศจรรย์เหล่านั้น ก็ต้องตามด้วยการประกาศให้คนอื่น ๆ ได้รู้ด้วย

สดุดี 40:6-8 คำสัญญาจะทำตามน้ำพระทัย
สิ่งที่ดาวิดมี และเป็นจุดแข็งของท่านก็คือ ท่านทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเรียกว่า บุรุษที่เดินตามน้ำพระทัย พระเจ้าทรงต้องการให้เรามีพระดำรัส พระดำริในหัวใจของเราเหมือนในข้อที่ 8 ได้กล่าวไว้ การที่ท่านกล่าววถึงหนังสือม้วน น่าจะเป็นหนังสือที่เขียนขึ้นเมื่อท่านขึ้นเป็นกษัตรย์นั่นเอง

สดุดี 40: 9- 10 สิ่งที่กษัตริย์ดาวิดจะประกาศออกไป
กษัตริย์ดาวิดได้ทำสิ่งที่เหมาะสมสำหรับการเป็นกษัตริย์คือ ได้ประกาศความดีของพระเจ้าท่ามกลางประชาชนของท่าน และเมื่อกษัตริย์ประกาศเช่นนั้น ย่อมมีสิทธิอำนาจมาก และคนทั้งกลายก็จะทำตามที่ท่านประกาศ เชื่อตามที่ท่านบอก

สดุดี 40:11-15 คำร้องทูล
ดูเหมือนกษัตริย์ดาวิดตระหนักว่า การที่ท่านถูกคนล่าเอาชีวิต มีความลำบากมากมาย เป็นเพราะบาปของท่านเอง ท่านมองว่า ตนเองเป็นสาเหตุของความยุ่งยากเหล่านี้ ไม่ได้โทษคนอื่นแต่ประการใด ถึงกระนั้น ก็ขอพระเจ้าที่จะทรงมาช่วย ขอพระองค์ทรงยินดีจะช่วย

ขอพระเจ้าทรงคิดถึงข้า
พระคัมภีร์ข้อนี้ เป็นที่ปลอบประโลมใจสำหรับทุกคนที่ถูกข่มเหง ไร้ที่พึ่ง และขัดสน พระเจ้าจะประทานให้พวกเขาตามที่ทูลขอ พวกเขาเป็นคนที่ยินดีในพระเจ้า และรู้ว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ที่สุด

2 ยอห์น 1 ต้อนรับด้วยความจริง

ทักทายสตรีที่พระเจ้าทรงเลือก

จดหมายฉบับนี้ มาจากข้าซึ่งเป็นผู้ปกครองอาวุโส เขียนถึงสตรีที่พระเจ้าทรงเลือกไว้ และลูกหลานของเธอที่ข้ารักในความจริง และไม่ใช่ตัวข้าเท่านั้น แต่คนทั้งหลายที่รู้จักความจริงก็รักด้วย
2 ยอห์น 1:1

1 ยอห์น 3:18; 1 ทิโมธี 2:4; ยอห์น 8:32;
โคโลสี 1:5

ผู้ที่รู้จักความจริง ก็รักคนที่มีความจริง คือมีพระเยซูคริสต์อยู่ในชีวิต ท่านยอห์นเน้นเรื่องความจริงอย่างมาก ในก่อนสุดท้ายบทที่แล้ว ท่านกล่าวถึงพระเยซูผู้ทรงเป็นจริง สิ่งที่ผู้พันหัวใจคริสเตียนให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียว กันนั้นคือ องค์พระเยซูผู้ทรงเป็นความจริง

เพราะความจริงอยู่ในเรา
และจะอยู่กับเรา
ไปชั่วนิรันดร์
2 ยอห์น 1:2

1 ยอห์น 1:8; 2:14;2:17; 2 เปโตร 1:12

,มีคำที่พระเยซูเคยตรัสไว้ในยอห์น 14:16-17 พระองค์จะทูลขอพระบิดา ให้ประทานที่ปรึกษา เพื่อจะอยู่กับศิษย์ของพระองค์ตลอดไป คือองค์พระวิญญาณที่จะอยู่ในพวกเขา
ดังนั้นความจริงที่ท่านยอห์นกล่าวถึงก็คือการที่พระวิญญาณแห่งความจริงจะเข้ามาสถิตในผู้ที่เชื่ออย่างถาวร นี่เป็นสิ่งที่คนนอกความเชื่อไม่อาจมีได้

พระคุณ พระเมตตา และสันติสุข จากพระเจ้าองค์พระบิดา และจากพระเยซูคริสต์องค์พระบุตรของพระบิดา จะอยู่กับเราในความจริงและในความรัก
2 ยอห์น 1:3

1 ทิโมธี 1:2; โรม 1:7; 1 ยอห์น 4:10

ท่านยอห์นไม่ได้แค่ขอให้ผู้อ่านรับสิ่งดี ๆ จากพระเจ้า แต่ท่านเขียนราวกับว่า สิ่งดี ๆ เหล่านั้นจะอยู่กับพี่น้องที่อ่านจดหมายของท่าน
รู้ไหมว่า หากไม่มีความจริง และความรักจากพระบิดาและพระบุตรแล้ว เราก็จะมีพระคุณ พระเมตตา สันติสุขในชีวิตไม่ได้เลย พระเยซูเคยตรัสว่า สันติสุขที่เราให้แก่เจ้า ไม่เหมือนโลกให้ เป็นสันติในใจที่ต่างกันมากจากความสุขของโลกนี้

เดินตามคำบัญชาพระคริสต์

ข้ายินดีมากที่พบว่าลูกหลานของท่านบางคน เดินในความจริงตามที่พระบิดาทรงบัญชาไว้
2 ยอห์น 1:4

3 ยอห์น 1:3-4; เอเฟซัส 5:8; 5:2

มีลูกหลานบางคนเดินตามทางของพระเจ้าทำให้เรารู้ว่า บางคนอาจไม่เดินตามทางที่พระเจ้าทรงบัญชา ชีวิตที่เดินในความจริงของพระเจ้านั้น ไม่ใช่ชีวิตที่อยู่เฉย ๆ แต่เป็นชีวิตที่แสดงออกมาเป็นการกระทำอย่างชัดเจนว่าพวกเขาทำตามที่พระเจ้าพระบิดาทรงบัญชาไว้ เราจะเห็นว่าคนเชื่อจริงและเชื่อแค่ปากนั้น แตกต่างกันมากขนาดไหน

และบัดนี้ สตรีทั้งหลาย
ข้ามิได้เขียนบัญญัติใหม่มาถึงท่าน แต่เป็นบัญญัติที่เรามีมาตั้งแต่ต้น คือ ขอให้เรารักซึ่งกันและกัน
2 ยอห์น 1:5

1 ยอห์น 3:11; 1 เธสะโลนิกา 4:9

ท่านยอห์นชัดเจนว่าต้องการ ย้ำเตือนให้พี่น้องรักกันและกัน
ชีวิตที่เต็มด้วยรักซึ่งกันและกัน จะทำให้สังคมนั้น ๆ มีความสุขและช่วยกันแก้ปัญหา ไม่สร้างปัญหาให้กันและกัน ยิ่งยุคของเรานี้ เรายิ่งต้องการความรักมากขึ้นอีก เพราะความเกลียดมีท่วมท้นในสังคม และยังมีความพยายามสร้างความเกลียดชังทุกวัน

และความรักนี้คือ เราเดินตามพระบัญญัติของพระองค์ที่ท่านได้ยินมาแต่แรกเริ่ม พระบัญญัตินั้นคือให้ท่าน
ดำเนินชีวิตด้วยความรัก
2 ยอห์น 1:6

1 ยอห์น 2:5; 5:3; 1 ยอห์น 2:24; ยอห์น 15:4

พระบัญญัติแห่งรักที่ท่านยอห์นกล่าวถึง เป็นบัญญัติที่มีไว้ให้เราเชื่อฟัง ไม่ใช่วางตั้งไว้เฉย ๆ เป็นบัญญัติที่ เราต้องลงมือรักคนอื่นไม่ใช่รอความรักจากคนอื่น รักแค่ปากก็ไม่ได้ ต้องลงมือ และเมื่อเราเห็นคนอื่นรักเรา ก็อย่าลืมรักตอบ

ระวังคนหลอกลวง

เพราะมีคนล่อลวงมากมายออกไปในโลก คือคนที่ไม่ยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาเป็นมนุษย์ คนเหล่านี้เป็นคนหลอกลวง เป็นผู้ต่อต้านพระคริสต์ ท่านจงระวังให้ดี จะไม่สูญเสียสิ่งที่ท่านได้มุ่งมั่นทำมา แต่เพื่อท่านจะได้รับรางวัลเต็มขนาด
2 ยอห์น 1: 7-8

1 ยอห์น 2:19; 4:1-2; 2:22
มาระโก 13:9; กาลาเทีย 3:4

คนที่ไม่ยอมรับว่า พระเยซูคริสต์ หรือพระเมสสิยาห์
ได้เสด็จจากสวรรค์ลงมาในร่างของมนุษย์ ท่านยอห์นกล่าวว่า พวกเขาเป็นคนลวงโลก เราจึงต้องระวัง พิสูจน์ทุกอาจารย์ที่สอนพระคัมภีร์ โดยเฉพาะคนแปลกหน้าที่เราไม่รู้จักมาก่อนอย่าหลงเชื่อทันทีเพียงเขาหยิบข้อพระคัมภีร์มาพูดให้ดูน่าเชื่อถือ เพื่อเราจะไม่หลงทางไป

คนใดที่ก้าวเกินไปกว่านั้นและไม่ยึดอยู่ในคำสอนของพระคริสต์ ก็ไม่มีพระเจ้า
แต่คนที่ยึดมั่นอยู่ในคำสอนนั้นก็มีทั้งพระบิดาและพระบุตร
2 ยอห์น 1:9

ยอห์น 7:16; 8:31

ชัดเจน..ไม่ให้เปลี่ยนคำสอนของพระเยซูไปตามใจของตนเอง คนไหนล้ำยุคคิดเกินเลย คนไหนคิดเอาเอง เท่ากับพวกเขาไม่มีพระเจ้าในเรื่องของพระเยซู พระองค์คือผู้ใด
พระองค์ทรงทำอะไรเพื่อเรา และจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น เราต้องเดินตามคำของพระเยซู ไม่ใช่วาดภาพนิมิตขึ้นมาเอง เราต้องระวังการเปิดเผยใหม่ ๆ ที่แต่งขึ้นมาแต่อ้างว่ารับมาจากพระเจ้า

และหากใครมาหาท่าน
โดยไม่นำคำสอนนี้มา
อย่ารับเขาไว้ในบ้าน
อย่าทักทายยินดีต้อนรับเขา เพราะใครก็ตามที่ทักทายเขาเท่ากับมีส่วนในความชั่วร้ายของเขาด้วย
2 ยอห์น 1:10-11

ทิตัส 3:10; โรม 16:17; 1 ทิโมธี 5:22; เอเฟซัส 5:11

สมัยก่อนนั้น อัครทูตมักจะเดินทางไปเยี่ยมตามคริสตจักรต่าง ๆ และท่านจะได้รับการต้อนรับจากสมาชิกที่เต็มใจต้อนรับท่านแต่ในเวลาเดียวกัน จะมีครูสอนผิดที่พยายามออกไปตามที่ต่าง ๆ เพื่อปอกลอกผู้เชื่อที่ ไม่รู้ประสีประสา ต้อนรับพวกเขาโดยคิดว่า เป็นอาจารย์แท้ สอนเรื่องพระเจ้าแท้ ท่านยอห์นจึงเตือนสติพี่น้องไว้ให้ระวังตัว เพื่อจะไม่หลงไป และไม่มีส่วนในความชั่วนั้น

คำส่งท้าย

ยังมีอีกหลายสิ่งที่จะพูดกับท่าน แต่ข้าไม่ต้องการเขียนด้วยปากกาและหมึกเพราะข้าต้องการที่จะพูดกับท่านตัวต่อตัว เพื่อว่าความยินดีของเราจะได้เต็มบริบูรณ์ ลูก ๆ ของน้องสาวของท่านที่พระเจ้าทรงเลือก ฝากความคิดถึงมาด้วย
2 ยอห์น 12-13

3 ยอห์น 13; 14; ยอห์น 17:13; 1 เปโตร 5:13; ยอห์น 16:12

ขอบคุณพระเจ้าที่ท่านยอห์นเขียนจดหมายนี้ เพราะเมื่อท่านพบกับพี่น้องและพูดกันต่อหน้าก็จะไม่มีบันทึกมาให้พวกเราอ่านจนทุกวันนี้
แต่การที่พวกเขาได้พบกัน ก็ทำให้พวกเขามีความชื่นชมยินดีเป็นอย่างยิ่งในเวลานั้น จากคำของท่านทำให้เรารู้ว่า พี่น้องในคริสตจักรที่ท่านกำลังใช้เวลาอยู่ด้วยนั้น ฝากความคิดถึงมาด้วย (เหมือนคำว่าคริสตจักรแม่ คริสตจักรลูก ทำนองนั้น)